
บทความRSS Feedนี้ จาก Thairath.com
พระบูชาเชียงแสนสิงห์สาม ศิลปะแบบพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปสมัยเชียงแสนสิงห์สาม องค์นี้มีอายุประมาณ 600–700 ปี หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ถือเป็นพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และเป็นหนึ่งในพระพุทธรูปที่หาชมได้ยากและยังคงความสมบูรณ์อย่างยิ่ง ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ ณ วัดคุณพุ่ม ตำบลบางลาย อำเภอบึงนาราง จังหวัดพิจิตร

โดยหลวงพ่อเสือลูกศิษย์หลวงพ่อเงิน เดิมเป็นเพิงเล็ก ๆ ที่หลวงพ่อเงินใช้เป็นที่พักหรือค้างแรมเวลาเดินทางอยู่ห่างจากวัดท้ายน้ำราว 7 กิโลเมตร ชาวบ้านเห็นว่าหลวงพ่อเงินมาแวะพักบ่อย ๆ จึงได้สร้างศาลาที่พักให้เป็นการถาวร และช่วงปลายอายุหลวงพ่อเงิน ชาวบ้านหนองในดงได้ร่วมกันสร้างวัดเล็ก ๆ ขึ้น และหลวงพ่อเงินได้ให้หลวงพ่อเสือลูกศิษย์มาจำพรรษาที่นี่ ศาลาการเปรียญเดิมเป็นไม้หลังเล็กอายุ 70 กว่าปี รวมทั้งอุโบสถหลังเก่า กุฎิสงฆ์ชำรุดทรุดโทรมผุพังไปตามกาลเวลา ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงประทานทุนทรัพย์


ส่วนพระองค์ดำเนินการซ่อมแซมศาลาการเปรียญขึ้นใหม่ โดยให้เป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียนของชาวบ้านหนองในดง ต่อมาจึงทรงประทานชื่อวัดให้ใหม่ว่าวัดคุณพุ่ม และให้เป็นวัดประจำพระองค์ “พระพุทธรูปเชียงแสน” มีต้นกำเนิดจากทางภาคเหนือ ซึ่งตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ภาคเหนือของประเทศไทยนั้น เคยเป็นที่ตั้ง “อาณาจักรเชียงแสน” ในอดีต ราวรัชสมัยพระเจ้าอนุรุทมหาราชแผ่อำนาจเข้ามาปกครองเมืองเชียงแสน พระองค์ได้นำเอาพระพุทธศาสนาลัทธิหินยาน (เถรวาท) อย่างพุกามเข้ามาเผยแผ่ ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนาลัทธิหินยานที่เข้ามาทางประเทศอินเดียฝ่ายเหนือผ่านมอญและพม่า อาจจะเป็นด้วยเหตุนี้เอง
พระพุทธรูปสมัยเชียงแสนจึงได้รับอิทธิพลจากพระพุทธรูปศิลปะอินเดียอีกด้วย พระพุทธรูปเชียงแสน ไม่ได้มีจำกัดอยู่เฉพาะที่เมืองเชียงแสนเท่านั้น แต่ได้ขยายขอบข่ายออกไปถึงเมืองเชียงใหม่ ลำพูน แพร่ น่าน และเลยเข้าไปยังเมืองหลวงพระบางและนครเวียงจันทน์ ทั้งนี้เพราะพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งเมืองเวียงจันทน์ ได้เข้ามามีอำนาจอยู่ในนครเชียงใหม่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ได้กวาดต้อนชาวเชียงใหม่ที่มีฝีมือในการสร้างพระพุทธรูป ไปสร้างพระพุทธรูปในเขตเมืองหลวงพระบางและเมืองเวียงจันทน์ มีอายุเทียบได้ราวพุทธศตวรรษที่ 20 ประมาณอายุใกล้เคียงกับ “พระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนสิงห์ 3” เรียกได้ว่ามีมากมายหลายสกุลช่าง และได้มีการสืบสานการสร้างตลอดมาเป็นระยะเวลายาวนานหลายร้อยปี พระพุทธรูปเชียงแสนสิงห์สาม เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในช่วงปลายของศิลปะเชียงแสน ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 20 เป็นพระพุทธรูปประจำเมือง สร้างขึ้นเป็นพุทธานุสรณ์อันลือชื่อ อนึ่งคำว่า “สิงห์”

ในพระพุทธรูปสมัยเชียงแสนนั้น ท่านโบราณาจารย์ได้สันนิษฐานที่มาออกเป็นสองนัยด้วยกัน คือ ประการแรก ด้วยความสง่างามอย่างน่าเกรงขามในพุทธศิลปะสมัยเชียงแสนนั้นประหนึ่งพระยาราชสีห์ ซึ่งเรามักจะเรียกกันอย่างสั้นๆ ว่าสิงห์ และอีกประการหนึ่ง น่าจะมาจากคำว่า “สิงหล” ซึ่งเป็นเจ้าตำรับและเป็นแบบอย่างการสร้างพระพุทธรูปคติลังกา อันเป็นต้นแบบพระพุทธรูปในสยามอาณาจักรนั่นก็คือ “พระพุทธสิหิงค์” พุทธลักษณะ “พระพุทธรูปเชียงแสนสิงห์สาม” ลักษณะปางมารวิชัย หรือปางสะดุ้งมาร ประทับนั่งอยู่บนฐานบัวคว่ำบัวหงาย พระเกตุมาลาเป็นรัศมีเปลว บางองค์มีเส้นไรพระศกเป็นเม็ดกลมหรือขมวดกันหอย พระพักตร์รูปวงรีคล้ายผลมะตูม พระนาลาฏเรียบเต็ม พระขนงโก่งพองาม ปลายพระขนงตกหางพระเนตร ชายสังฆาฏิยาวลงมาจรดพระหัตถ์ วันนี้ผมนำพระบูชาเชียงแสนสิงห์สาม ขนาดใหญ่ หน้าตัก 26 นิ้ว สูง 32 นิ้ว ศิลปะแบบพุทธสิหิงค์ หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ (ทองเหลืองโบราณผสมดีบุก) มีอายุประมาณ 600-700 ปี
พระพุทธรูปเชียงแสนสิงห์สาม ถือเป็นพระพุทธรูปที่มีความงดงามและสง่างาม มีความนิยมในการบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล และเป็นที่เคารพนับถือในหมู่ชาวล้านนา เหมาะแก่การสะสมและอนุรักษ์
พระบูชาเชียงแสนสิงห์สาม ศิลปะแบบพุทธสิหิงค์ จำศิลปะให้แม่น ลักษณะปางมารวิชัย หรือปางสะดุ้งมาร ประทับนั่งอยู่บนฐานบัวคว่ำบัวหงาย เกสรเป็นเส้นริ้วยาวสูง พระพักตร์อวบอูมดูสมบูรณ์ และปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อย ยอดพระเกศเป็นลักษณะคล้ายเปลวไฟ พระศกเป็นเม็ดชัดเจน ติดทีละเม็ด สังฆาฏิยาวถึงบริเวณสะดือปลายเป็นแฉกคล้ายเขี้ยวตะขาบ

ด้านหลัง เห็นพระศกเป็นเม็ดชัดเจน ติดทีละเม็ด พระเกศเป็นลักษณะคล้ายเปลวไฟ ฐานบัวคว่ำบัวหงายเกสรเป็นเส้นริ้วยาวสูง ลักษณะพื้นผิวของพระ มีทั้งขัดและไม่ขัด การเทพระจะมีทั้งหนาและบาง การหล่อเทแบบโบราณ ปั้นแบบเททีละองค์ ทุกองค์จะไม่เหมือนกัน การเทแบบโบราณจะมีความประณีตงดงาม

คอลัมน์ : หยิบกล้องส่องพระ by โทน บางแค
Line : @tone8888
เพจ : โทน บางแค FC.
source
ขอขอบคุณบทความและ RssFeedของThairath.com ครับ