
บทความRSS Feedนี้ จาก Thairath.com
พระนางพญา พิมพ์เข่าโค้ง กรุวัดนางพญา (นิยมสุดเป็นหนึ่งในชุดเบญจภาคี) จังหวัดพิษณุโลก
พระนางพญา พระคู่บ้านคู่เมืองเพชรน้ำเอกของจังหวัดพิษณุโลก พระนางพญาเป็นพระเครื่องเนื้อดินเผาพบที่วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก เมื่อพุทธศักราช 2444 มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันมานานคู่กันกับ “พระสมเด็จฯ” อิทธิพลของพระนางพญาทำให้เนื้อดินทรงสามเหลี่ยมอื่น ๆ คนจะเรียกคำนำหน้าว่า “พระนางพญา” ด้วย ทั้งที่มิได้มีความเกี่ยวข้องกับวัดนางพญาเลยแต่อย่างใด จัดว่าเป็นหนึ่งในพระชุด “เบญจภาคี” ที่มีผู้คนนิยมกันมาก จังหวัดพิษณุโลกเป็นจังหวัดที่รุ่งเรืองมาตั้งแต่อดีตโดยเฉพาะในสมัยกรุงสุโขทัยและกรุงศรีอยุธยา กษัตริย์ไทยหลายพระองค์เคยประทับอยู่เมืองนี้ เช่น พระมหาธรรมราชาลิไทย และสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อีกทั้งยังเป็นเมืองที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์สำคัญ ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และมีความงดงามที่สุดคือ “พระพุทธชินราช” นอกจากนี้เมืองนี้ยังมีพระกรุที่สำคัญคือ “พระพญา”

พระวัดนางพญาพิษณุโลก เป็นพระที่มีศิลปะและอายุสมัยอยุธยา แต่จะสร้างสมัยกษัตริย์พระองค์ใดนั้น ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด ได้แต่คาดคะเนว่าอาจจะสร้างสมัยพระมหาธรรมราชาและพระมเหสีพระวิสุทธิกษัตริย์ (พระราชมารดาของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช) ในราวพ.ศ. 2095 ถึงพ.ศ. 2100

โดยเหตุที่ว่าพระองค์ครองเมืองนี้ในระหว่างยุคนั้นครับ กรุพระวัดนางพญาเป็นซากโบราณสถานที่ปรักหักพังฝังจมดินอยู่บริเวณด้านหน้าวัด การที่พบพระก็เพราะมีการขุดหลุมเพื่อจะสร้างศาลาวัด พอขุดลงไปก็พบพระจำนวนมากในปีพุทธศักราช 2444 นั่นเอง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จมาเมืองพิษณุโลก เพื่อทรงหล่อพระพุทธชินราชจำลอง นำไปประดิษฐานเป็นพระประธานที่วัดเบญจมบพิตร กรุงเทพมหานคร ทางจังหวัดจึงได้นำพระนางพญาที่เพิ่งพบทูลเกล้าถวายพระองค์ และผู้ติดตามจำนวนหนึ่ง จึงเป็นการเริ่มต้นของการเผยแพร่พระนางพญาให้เป็นที่รู้จักกว้างขวางในเวลาต่อมาครับ ส่วนพิมพ์พระนางพญามีแตกต่างกันหลายพิมพ์ มีทั้งขนาดใหญ่และขนาดย่อม ทางวงการพระจัดแบ่งพิมพ์ออกเป็น 7 พิมพ์ คือ
1. พิมพ์เข่าโค้ง
2. พิมพ์เข่าตรง
3. พิมพ์เข่าตรง (มือตกเข่า)
4. พิมพ์อกนูนใหญ่
5. พิมพ์สังฆาฏิ
6. พิมพ์อกนูนเล็ก
7. พิมพ์เทวดา


เป็นฝีมือสกุลช่างอยุธยา ลักษณะโดยรวม คือเป็นพระพุทธประทับนั่งปางมารวิชัย อยู่ในกรอบทรงสามเหลี่ยม ส่วนใหญ่ไม่ปรากฏรายละเอียดของพระพักตร์ เห็นเส้นสังฆาฏิค่อนข้างชัด ส่วนเนื้อเป็นดินเผา บางองค์มีแร่ปรากฏ สีของพระอาจจะแตกต่างกันบ้าง ขึ้นอยู่กับการเผาและสภาพการเก็บรักษา พระที่ถูกสัมผัสมากเนื้อพระจะนุ่ม บางองค์มีการลงรักหรือยางไม้จะทำให้พระเนื้อจัดมากขึ้น ด้านข้างเป็นการตัดด้วยตอก กรอบอาจจะชิดองค์พระหรือห่างต่างกัน บางองค์ตัดจนโย้ไปอีกข้างหนึ่งก็มีครับ สุดท้ายนี้ ผมขอให้ท่านและครอบครัวจงมีแต่ความสุขความเจริญตลอดกาลนะครับ
#ป๋องสุพรรณการันตี
source
ขอขอบคุณบทความและ RssFeedของThairath.com ครับ